วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กำเนิดโลก

กำเนิดโลก(กรีก)



ในปฐมกาลเมื่อครั้งก่อนที่แผ่นดินและทุกสรรพสิ่งจะถูกสรรค์สร้าง ทุกสิ่งยังคงเป็นเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งรูปลักษณ์ใดๆ จนกระทั่งครั้งหนึ่งเมื่อความว่างเปล่าส่วนหนึ่งได้เกิดสภาวะหมุนวนไม่หยุดนิ่ง และแยกตัวออกมาจนกลายเป็นท้องฟ้า มีนามว่าวิลยานาร์ส นับแต่นั้นมาวิลยานาร์สก็ได้เฝ้าโอบอุ้มประครองภาวะของความว่างเปล่านั้นไว้ ภายหลังไม่นานเมื่อวิลยานาร์สถือกำเนิดขึ้น ภาวะของความว่างเปล่าอีกส่วนก็ได้แยกตัวออกมาเป็นผืนดิน หรือแม่พระธรณีซึ่งมีชื่อเรียกขานกันว่าแอมบาร์ นับแต่นั้นมาผืนดินและท้องฟ้าก็ถูกสรรค์สร้างขึ้น

เบื้องต้น เมื่อแผ่นดินและท้องฟ้าถูกสร้างขึ้นแล้ว แต่ว่าแม้จะเป็นท้องฟ้านั้น แต่ก็ว่างเปล่าไร้ซึ่งดวงดาวใดๆ และผืนดินก็แห้งผากปราศจากพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งแอมบาร์ได้ให้กำเนิดบุตรแก่วิลยานาร์ส คือแสงสว่างซึ่งมีชื่อเรียกขานว่าคาเลเมนาร์ส เมื่อนั้นแสงสว่างก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ต่อมาภายหลังให้กำเนิดคาเลเมนาร์สแล้ว แอมบาร์จึงได้ให้กำเนิดธิดาอีกหนึ่งคนแก่วิลยานาร์สคือความมืด ซึ่งมีนามเรียกขานว่าโลเมอาร์ ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจึงมีแสงสว่างและความมืดเกิดขึ้น

ต่อมา คาเลเมนาร์สได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วจนสุดปลายแผ่นดิน เขาได้นำความสว่างจากทั่วแผ่นดินที่เขาพบมารวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ความมืดจึงกระจัดกระจายไป เมื่อแผ่นดินเกิดความสว่าง เคาเลเมนาร์สจึงเห็นว่าแผ่นดินนี้แห้งแล้งยิ่งนัก จึงได้นำเอาความว่างเปล่าส่วนหนึ่งจากวิลยานาร์ส มาสร้างเป็นก้อนเมฆฝนและปล่อยให้ล่องลอยไปทั่วแผ่นดิน ฝนตกลงมารวมกันเป็นลำธาร จากลำธารไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ จากแม่น้ำไหลมารวมกันเป็นมหาสมุทร บ้างก็ถูกกักขังตามหุบเขาต่างๆ กลายเป็นทะเลสาบน้อยใหญ่บ้าง เป็นหนองบึงบ้าง ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินจึงมีพื้นดินและพื้นน้ำเกิดขึ้น 

คาเลเมนาร์สพอใจในผลงานของตนที่ทำให้แผ่นดินที่แห้งแล้งนี้ กลับมีความชุ่มชื้นขึ้นมาได้ หากแต่ก็ยังเป็นผืนดินที่มีแต่ภูเขาหินและดิน มองดูไร้ซึ่งพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิตใดๆ เขาจึงคิดกลับมาปรึกษากับแอมบาร์ มารดาของตนซึ่งในขณะนั้นเนื้อตัวของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน นางจึงปัดเศษโคลนบนตัวนางออกไป ทันทีที่ตกถึงพื้น เศษโคลนบนตัวนางจึงบังเกิดพืชพันธุ์สีเขียวเจริญงอกงาม กลายเป็นต้นหญ้าบ้าง ต้นไม้ใหญ่น้อยบ้างจนเต็มแผ่นดิน

เวลานี้นับได้ว่าแผ่นดินมีทั้งแสงสว่าง และเม่น้ำลำธาร มีป่าและทุ่งหญ้าเขียวสด แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของแอมบาร์และคาเลเมนาร์ส ทั้งคู่ยังคงเห็นว่าขาดบางสิ่งบางอย่าง จนกระทั่งวิลยานาร์สให้ความเห็นว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะแม้ว่าแผ่นดินจะกอปรไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ คือแสงสว่างอันอบอุ่น ทุ่งหญ้าเขียวขจี และธารน้ำใสสะอาดแล้ว แต่ว่าแผ่นดินก็ยังขาดสิ่งมีชีวิตคือสัตว์น้อยใหญ่ตามพงศ์พันธุ์ของมัน ด้วยเหตุนี้แอมบาร์จึงได้นำความว่างเปล่าบางส่วนมาสร้างเป็นฝูงสัตว์น้อยใหญ่ คือบรรดาปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำและในทะเลตามชนิดของมัน ฝูงสัตว์ปีกน้อยใหญ่ที่มีอยู่ตามชนิดของมัน ฝูงสัตว์จตุบาทน้อยใหญ่ ทั้งสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืชตามชนิดของมัน และได้อวยพรให้มันสืบเผ่าพันธุ์จนเต็มแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจึงอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ ทั้งแสงสว่างอันอบอุ่นตลอดทั้งปี ไม่มีช่วงเวลาแห่งความหนาวเหน็บ รวมถึงทุ่งหญ้านั้นก็เขียวสดอยู่ตลอดเวลาจนดูราวกับสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน

แต่ทว่าโลเมอาร์ก็ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดขึ้น เนื่องจากนางได้พยายามรวบรวมเอาความมืดที่กระจัดกระจายไปเข้าไว้ด้วยกัน คือความมืดดำในยามราตรีกาล และความหนาวเย็นทั้งปวงที่ได้ถูกทำให้กระจัดกระจายไปเมื่อครั้งที่คาเลเมนาร์สได้รวบรวมแสงสว่างขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมีดินแดนบางส่วนที่แทบจะไม่เคยสัมผัสถึงความอบอุ่นของแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย คาเลเมนาร์สรู้ถึงความจริงดังกล่าว แต่จนปัญญาที่ตนจะสามารถแก้ไขได้ จึงไปปรึกษากับแอมบาร์และวิลยานาร์สอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นทั้งสี่ก็จนปัญญาไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ด้วยเหตุนี้ทั้งสี่จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาที่สุดขึ้นมา

วิลยานาร์สเป็นผู้ที่สร้างโครงร่างของสิ่งมีชีวิตนั้นขึ้นมา โดยออกแบบให้เป็นชายและหญิงได้สิบสองคน จากนั้นแอมบาร์จึงระบายลมปราณออกทางจมูกโครงร่างนั้น คาเลเมนาร์สได้สัมผัสที่เปลือกตา และตั้งแต่นั้นมาสิ่งมีชีวิตนั้นก็เรียนรู้ที่จะมองเห็น และสุดท้ายโลเมอาร์ได้สัมผัสที่หูของสิ่งมีชีวิตนั้น และสิ่งมีชีวิตนั้นก็สามารถได้ยินได้

สิ่งมีชิวิตทั้งสิบสองที่ทั้งสี่ได้ร่วมกันสร้างขึ้นนั้น ถูกเรียกว่าไอสตาร์ หรืออิสตาร์ ซึ่งก็คือวงศ์วานเทพไอสตาร์ทั้งสิบสองนั่นเอง ซึ่งเทพไอสตาร์แต่ละองค์นั้นมีชื่อดังนี้
1. เบลเลก สุริยเทพและประมุขของเหล่าไอสตาร์
2. เฟริอานอส เทพเจ้าแห่งรัตติกาล
3. คูเวียร์ เทพเจ้าแห่งการช่างและงานฝีมือ
4. ออร์ธาร์ส เทพเจ้าแห่งสงคราม
5. เนวิลเว เทพแห่งเจ้าแห่งการพิพากษาและความยุติธรรม
6. ซูเร เทพเจ้าแห่งสายลมและฤดูกาล
7. ไมอาร์ เทพีแห่งความรักและความงาม
8. อิสควาเทียร์ เทพีแห่งปัญญาและวิทยาการ
9. อลาเธียร์ เทพีแห่งมหาสมุทร
10. ออเรอาร์ เทพีแห่งการเกษตรและการกสิกรรม
11. เมนิเทียร์ เทพีแห่งการสื่อสารและการเดินทาง
12. ฟิริมาร์ เทพีแห่งผู้วายชนม์

ซึ่งเดิมทีก่อนที่เหล่าเทพไอสตาร์ทั้งสิบสองจะถือกำเนิดนั้น เทพเจ้าในพารูอินยังคงเป็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ จนภายหลังเมื่อไอสตาร์ถือกำเนิดขึ้นมา เมื่อนั้นเทพเจ้าจึงเปลี่ยนจากนามธรรมกลายมาเป็นรูปธรรมในที่สุด



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น